เนื่องจากโลหะจำพวกไอออนบวกจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและ ออกซิเจนเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ก่อให้เกิดประจุลบเพียงเพราะมันต้องการเพื่อ ‘รับอิเล็กตรอน โปรดจำไว้ว่าเมื่อออกซิเจนได้รับอิเล็กตรอนเหล่านี้จะไม่มีอะตอมเหลืออยู แต่จะเป็นไอออนลบ ตอนนี้เรามีคำศัพท์คล้ายกันเราจะเรียกอิออนประจุลบทั้งหมด (อะตอมที่ได้รับอิเล็กตรอน) บวกไอออนที่สูญหายอิเล็กตรอนเราจะเรียกพวกเขาว่าไอออนบวก ฉันใช้ความจริงที่ว่าไอออนบวกได้a’t ‘เพื่อเตือนฉันว่า cations มีค่าบวก (+) ฉันคิดว่าคุณเห็นการเชื่อมต่อ.เมื่อโลหะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเราเรียกว่า”ออกซิเดชัน(Oxidation)”ภายใต้เงื่อนไขของความดันและอุณหภูมิที่พบในโลกเราพบว่ามีเพียงหนึ่งในองค์ประกอบเหล่านี้สามารถพบได้ในรูปของโลหะบริสุทธิ์ โลหะอื่น ๆ ทั้งหมดเหล่านี้ถ้าพบตามธรรมชาติพบได้เฉพาะในสถานะออกซิไดซ์เท่านั้น ทองแน่นอนว่าเป็นเรื่องแปลก ที่สามารถพบได้เป็นโลหะบริสุทธิ์ บางส่วนของค่าที่เราใส่ทองคำเป็นเพราะความจริงที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใด ๆ (หรือเงิน) ในการทำให้บริสุทธิ์ตกลง อื่น ๆ
อิเล็คตรอน ออกซิเดชั่น ไอออน สิ่งเหล่านี้ หมายถึงอะไร ถ้าในทางเศรษฐกิจก็หมายความว่า การทำให้เกิดโลหะบริสุทธิ์ ซึ่งเราจะต้องมีเงินเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะต้องใช้จ่ายเงินในการที่จะขุดลงไปในดินและขุดจนกว่าเราจะพบแร่ (โลหะที่ถูกหลวมรวมกับออกซิเจน) ซึ่งจะต้องมีโรงงานที่สามารถสร้างความร้อนจนแยก ออกซิเจนออกจากแร่โลหะได้ และมันคือโลหะบริสุทธิ์ซึ่งประบวนการเหล่านี้ต้องใช้เงินมากขึ้นในการดำเนินการโลหะแปรรูปเป็นสินค้าหรือเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอะไรก็แล้วแต่ จะด้วยการรีด การม้วน กรรมวีธีการขึ้นรูปโลหะ หรือด้วยวิธีการหลอมรวม
และถ้าจะเอ่ยถึงคำว่า โลหะผสม “alloy” ซึ่งอัลลอยเป็นส่วนผสมที่เกิดจากโลหะ2ชนิดขึ้นไป โลหะมีมากมายหลายชนิด จากตารางที่เราเห็นกันมาแล้ว ซึ่งโลหะแต่ละตัวที่นำมาผสมกันสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็น วัตถุดิบในการผลิตต่างๆได้อีกมากมาย จะเป็นในรูปแบบของแผ่นโลหะ รีดออกมา ม้วน ทำเป็นเส้นอย่างเช่นสายไฟ หรือ โครงสร้างของสถาปัตยกรรมรูปแบบต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่าง มัวด ดัด จนเป็นสปริงก็ได้เช่นกัน ซึ่งกระบวนการแปรรูปโลหะเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับจุดหลอมละลายของโลหะแต่ละชนิดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุระสง์ของการนำไปใช้งานนั่นเอง
สำหรับการนำเหล็กจำนวนมากไปใช้งาน เราจะต้องรู้ด้วยว่าอัลลอย ที่เกิดจากการผสมระหว่าง เหล็กและ โครเมียม มันมีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อน (หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ สแตนเลสสตีล)และถ้ามันถูกเพิ่ม แมกกานีสเข้าไป จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข็งตัว, เหล็ก นิกเกิล (Ni) เป็นอัลลอยประเภทที่ทนทานและเหนียว, ฟอสฟอรัส (P) มีความสามารถในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ , Silicon (Si) สามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งของโลหะผสมบางชนิด, Titanium (Ti)ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเหล็ก, ทังสเตน (W) ช่วยเพิ่มความต้านทานการขัดและความแข็งทนทาน สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือประเภทของโลหะมีจำนวนมาก และลักษณะที่แตกต่างกันหากจะนำไปใช้ต้องศึกษาให้ดี อย่างโลหะที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว คุณสมบัติหลังจากถูกผสมแล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นค่อนข้างคล้ายคลึงกันอยางมาก เช่น ทองสัมฤทธิ์, ทองเหลือง, โลหะผสมทองแดง, นิกเกิล ฯลฯ โลหะบางชนิดมีราคาแพงมากและเหมาะสมกับการใช้งานที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากและต้นทุนสูง การจะใช้งานให้ได้ประโยชน์อยางคุ้มค่า เราจะต้องศึกษาแหล่งผลิตเหล่านั้นด้วยว่า พวกเขาผลิตมันจากวัตถุประสงค์ใดเพื่อบางรายเพื่อลดต้นทุน บางรายเพื่อต่อต้านการเกิดประกายไฟ หรือเพื่อการนำไปใช้งานทีง่าย หรือเพื่อทดแทนการใช้งานจากสิ่งแวดล้อม